Planet for home ขอนำสาระความรู้ดีๆที่เป็นประโยชน์มาส่งต่อกัน
ว่ากันด้วยเรื่องของการทำสวนพอเพียงฉบับครัวเรือน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ภายในรั้วบ้านของคุณ
หรือในการสร้างบ้านอาจจะแบ่งพื้นที่ว่างไว้สักหน่อยในการทำสวน เพื่อจะนำผลผลิตที่ได้มาใช้ในครัวเรือน
ในวันนี้จึงขอน้อมนำแนวทางพอเพียงซึ่งเป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนทำได้
ด้วยเทคนิคการทำสวนแบบพอเพียงที่ประยุกต์มาจาก "เกษตรทฤษฎีใหม่"
ซึ่งในหลวงได้พระราชทานพระราชดำรัสไว้เพื่อให้เกษตรกรอยู่แบบพึ่งพาตนเองได้ในทุกสถานการณ์
ด้วยวิธีการจัดการทรัพยากรให้คุ้มค่าอย่างยั่งยืน แล้วจะมีวิธีไหนบ้างลองนำไปศึกษากันดูนะคะ
1. แบ่งพื้นที่ในสวนให้เหมาะสมและคุ้มค่า
สำรวจพื้นที่ในสวนให้ถี่ถ้วนด้วยการตรวจสภาพดิน
ทิศทางแสงแดด และลม จากนั้นก็เริ่มแบ่งพื้นที่ในสวนตามเกษตรทฤษฎีใหม่จากสูตร 30:30:30:10
ให้ง่ายและเหมาะสมกับพื้นที่ของเราเอง โดยปรับเป็นโซนแปลงผักสวนครัว โซนสมุนไพร ฯลฯ
แต่ถ้าหากพื้นที่คับแคบเกินไปก็ไม่จำเป็นจะต้องแบ่งตามนี้ทุกประการ
เลือกเฉพาะโซนที่เหมาะสมกับบ้านเราเท่านั้นก็ได้ค่ะ
2. DIY ระบบน้ำฉบับบ้าน ๆ ของคนรักสวน
จากแนวคิดระบบการจัดการน้ำของในหลวง
ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องน้ำมากขึ้นและสามารถนำไปปรับใช้ในสวนได้อย่างเหมาะสม
ด้วยการขุดบ่อน้ำหลักเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในสวนและต่อท่อไปยังแปลงปลูกทั้งหมดที่มี
หรืออาจจะส่งตรงไปยังพืชที่ต้องการน้ำมากอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถเลี้ยงปลาไว้เป็นอาหารหรือปลูกพืชน้ำได้อีกด้วย
3. ปรับดินให้มีคุณภาพด้วยการรับแสงแดดไม่ต้องฟุ่มเฟือยเพื่อบำรุงใหม่
หากพบว่าสภาพดินในสวนไม่เอื้ออำนวยให้ปลูกพืชเท่าไร
แนะนำให้พรวนดินและเปิดหน้าดินรับแสงแดดโดยตรง เพราะแสงแดดจะช่วยปรับสภาพดินให้มีสารอาหารที่เหมาะสมกับพืชหรือจะทำการผสมดินในขั้นตอนไปพร้อม
ๆ กันเลยก็ได้ค่ะ
4. เลือกใช้กระถางที่ช่วยประหยัดน้ำและลดโลกร้อน
วัสดุของกระถางต้นไม้ก็มีส่วนช่วยในการจัดสวนแบบพอเพียงได้เหมือนกัน เช่น
กระถางที่ทำจากโลหะหรือสังกะสีจะดูดซับความร้อนจากแสงแดดเข้ามามาก
ทำให้ดินขาดความชุ่มชื้นเพราะน้ำจะระเหยออกไปจนหมดและทำให้เราต้องรดน้ำบ่อยขึ้น
ดังนั้นควรจะเปลี่ยนมาใช้กระถางที่สามารถกักเก็บความชื้นหรืออุ้มน้ำได้นาน ๆ แทน
เช่น กระถางดิน ส่วนอีกหนึ่งวิธีก็คือการนำภาชนะเหลือใช้ในครัวเรือนมา DIY ใหม่
เช่น นำตะกร้าหรือขวดน้ำพลาสติกมาใช้ในการปลูกต้นไม้
ก็จะช่วยลดขยะไม่สร้างสภาวะโลกร้อนได้อีกทาง
5. ผสมปุ๋ยอินทรีย์ไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง
เมินหน้าใส่ปุ๋ยเคมีแล้วหันมาลงมือผสมปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองกันดีกว่า
ทั้งปลอดภัยไร้สารพิษและยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว
ขอบอกก่อนเลยว่าปุ๋ยอินทรีย์นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3
ชนิดคือ ปุ๋ยหมักจากซากพืชซากสัตว์ ปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์ และปุ๋ยพืชสดจากพืชหน้าดินที่ย่อยสลาย
แต่ในเมื่อสวนของเราเป็นฉบับครัวเรือน อาจจะทำตามทริคง่าย ๆ เหล่านี้
- ปุ๋ยน้ำหมัก
นำมูลสัตว์ 1 ส่วนมาผสมกับใบไม้แห้ง แกลบ
ฟางหรือหญ้าแห้งแค่ 1 ส่วน รำ 1
ส่วนให้เข้ากันและพักไว้ หันมาผสมกากน้ำตาล 40
ซี.ซี. กับน้ำเปล่า 10 ลิตร และจุลินทรีย์อีก 40
ซี.ซี. ให้เข้ากัน
จากนั้นนำไปราดและคลุกเคล้ากับส่วนผสมแรกให้ได้เนื้อที่พอดีไม่เหลวและไม่แห้งจนเกินไป
วางปุ๋ยให้เป็นกองเพื่อหมักทิ้งไว้อีกสักสัปดาห์ครึ่งก็เป็นอันใช้ได้
- DIY หลุมหมักปุ๋ยกลางแปลงปลูกแบบ keyhole
ไอเดียเพาะปลูกจากแอฟริกาที่เรานำมาปรับใช้
ก่อนอื่นต้องก่อแปลงปลูกให้เป็นวงกลมที่มีความสูงพอสมควร
ขุดบ่อหรือหลุมไว้ตรงกลางแปลงเพื่อเอาไว้ใส่ซากพืชเปลือกไข่และสิ่งของที่สามารถย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยได้ลงไปหมักในนั้น
ใช้ใบไม้แห้งและฟางแห้งคลุมหน้าเอาไว้ เท่านี้เราก็จะได้ปุ๋ยที่อยู่ในแปลงปลูกโดยอัตโนมัติแล้ว
6. ความชุ่มชื้นของดินคือสิ่งที่ต้องรักษา
อีกหนึ่งวิธีการทำสวนให้พอเพียงนั้นก็คือการรักษาความชุ่มชื้นของดินเอาไว้
หากเราปล่อยปละละเลยเรื่องเล็ก ๆ
อย่างนี้ไปรับรองว่าคุณต้องนอนก่ายหน้าผากบนกองบิลค่าน้ำเป็นแน่ มาเริ่มกันที่วิธีแรกด้วยการรองใต้กระถางด้านในด้วยกระดาษทิชชู
แพมเพิสชิ้นใหม่
หรือเสื้อถักไหมพรมตัวเก่าเอามาคลุมหน้าดินด้วยแกลบและปลูกหญ้าแฝกไว้รอบ ๆ สวน
วิธีทั้งหมดนี้จะช่วยกักเก็บน้ำไว้ในดินได้อย่างเหมาะสมและส่งผลให้พืชพรรณเจริญเติบโตออกดอกออกผลอย่างสวยงาม
7. ปลูกผักสวนครัวตามฤดูกาลให้มีกินตลอดทั้งปี
สภาพอากาศตามฤดูกาลคือปัจจัยหลักที่ทำให้สวนอุดมสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
ดังนั้นเราจึงควรหันมาปลูกพืชให้ตรงกับฤดูกาลเพื่อให้มีกินมีใช้ได้ตลอดทั้งปีกันดีกว่าค่ะ
- ฤดูร้อนควรปลูกมะระ,
บวบ, ผักชี, น้ำเต้า, ผักกาดหอม,
ข้าวโพดหวาน หรือถั่วฝักยาว
- ฤดูฝน
(ช่วงต้น) ให้ปลูกกวางตุ้ง, พริก, ผักกาดหอม,
บวบ, ผักบุ้ง, มะเขือ,
แตงกวา หรือกระเจี๊ยบเขียว
- ฤดูฝน
(ช่วงปลาย) ควรปลูกมะเขือเทศ, ขึ้นฉ่าย, แครอท,
พริกหยวก, กะหล่ำปลี, ถั่วลันเตา
หรือหอมใหญ่
- ฤดูหนาวควรปลูกมะเขือเทศ,
หอมใหญ่, ผักกาดขาว, ถั่วพู,
ขึ้นฉ่าย, ผักชี, ตั้งโอ๋ หรือบรอกโคลี
8. ประเภทของพืชหลัก ๆ ที่ควรปลูกเอาไว้ในสวน
เมื่อแบ่งพื้นที่ในสวนได้ตามที่ต้องการแล้วก็ควรจะเลือกพืชมาปลูกให้เหมาะสมตามประเภทหลัก
ๆ ที่ควรจะมีไว้ใช้ประโยชน์ในบ้านดังนี้
- พืชผักผลไม้แบบยืนต้นอย่าง
มะม่วง กล้วย มะละกอ มะรุม และขนุน
- พืชผักและไม้ล้มลุกอย่าง
ถั่วฝักยาว มันเทศ มะเขือ มะลิ และซ่อนกลิ่น
- พืชสมุนไพร
เช่น พริกไทย หญ้าแฝก กะเพรา สะระแหน่ โหระพา ตะไคร้ บัวบก และพลู
- เห็ดชนิดต่าง
ๆ ที่ชื่นชอบ
9. สูตรไล่แมลงและศัตรูพืชแบบไร้สารพิษ
ปัญหาศัตรูพืชเป็นเรื่องธรรมดาที่เราสามารถจัดการได้อยู่หมัดกับสูตร DIY
ของในครัวเรือนโดยไม่พึ่งสารเคมีได้ดังต่อไปนี้ด้วยสูตรยาฆ่าแมลงปลอดสารพิษจากก้นครัว
- สะเดา
ให้นำเมล็ดสะเดาไปล้างน้ำให้สะอาดและผึ่งแดดไว้ 4
วัน นำมาตำให้เป็นผงก่อนจะผสมกับน้ำเปล่าและทิ้งให้นอนก้น
สุดท้ายให้กรองด้วยผ้าขาวบางก่อนจะนำไปฉีดพ่น
- มะเขือเทศ
ให้นำผล ลำต้น หรือใบไปบดให้ละเอียดและผสมกับน้ำขี้เถ้า
จัดการกรองกากใยให้เรียบร้อยก่อนนำไปใช้
10. แบ่งปันผลผลิตให้กับเพื่อนบ้านสร้างรากฐานความสัมพันธ์
การปรับใช้ “เกษตรทฤษฎีใหม่” สำหรับสวนแบบพอเพียงในข้อสุดท้ายก็คือ
การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนผลผลิตกับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้อง
ซึ่งจะทำให้เราได้บริโภคผลผลิตที่แตกต่างออกไปจากเดิม
ไม่จำเจอยู่กับพืชผลที่มีอยู่
แถมยังเป็นการรักษาความสัมพันธ์ของเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นได้
ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการสร้างรากฐานหมู่บ้านให้มั่นคงได้อีกด้วย
“เกษตรทฤษฎีใหม่” ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด
แม้จะเป็นหลักการที่ตรงกับเกษตรกรมากที่สุด
แต่ไม่ว่าเราจะเป็นใครหรือฐานะไหนก็สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตความเป็นอยู่เพื่อความมั่นคงได้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก huaysaicenter, thaicityfarm,
bansuanporpeang, goodtoknow, money.usnews , home.kapook , decorreport
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น